Posts

ชุบชีวิต Chromebook Pixel 2013 ด้วย Linux Mint

Image
หลายๆ คนน่าจะรู้จักแบรนด์ฮาร์ดแวร์จาก Google ชื่อ Pixel ในกลุ่ม smartphone แต่จริงๆ Google ออกอุปกรณ์ในแบรนด์ Pixel ตัวแรก เป็น Chromebook ปี 2013 โดยตัวที่ผมใช้งานอยู่มีสเปคดังนี้ ด้านล่างนี้เป็นคลิปอธิบายจากช่อง MKBHD ครับ ช่วงกลางปี 2018 Google ประกาศหยุด support Chromebook Pixel รุ่นนี้ โดยจะไม่ได้รับ update Chrome OS รุ่นใหม่แล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่จะมีข้อความแจ้งเตือนเรื่องความปลอดภัยที่ไม่ update กลายเป็นของที่รอวันหมดอายุไป เวลาผ่านมาปีครึ่ง กับ Chrome OS ที่ไม่ได้ update การทำงานพื้นฐานเช่นเข้าเวบทั่วไป ทำงานบน Google Docs, Google Sheets ยังทำได้ตามปกติ แต่บริการออนไลน์บางตัวเช่น Netflix ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ โดยขึ้นข้อความว่า browser ไม่รองรับ จึงคิดว่าถึงเวลาต้องแก้ปัญหานี้แบบจริงจังละ เริ่มจากการลง Ubuntu 18.04 และติดตั้ง Chrome browser ทดลองเข้า Netflix ก็สามารถเข้าใช้งานได้ แต่การทำงานของเครื่องไม่ค่อยลื่นไหลเท่าที่ควร พอลองตรวจสอบจาก System monitor ดูพบว่า Memory ใช้งานเต็ม 4 GB ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระบบช้า ลองปิด Chrom

รวมข้อความบนขวด DR.BRONNER'S

Image
ตอนได้สบู่ขวดนี้มา ตั้งใจว่าจะหาเวลาไล่อ่าน ว่าข้อความลายตาบนขวดมันพูดเรื่องอะไรบ้าง จนใช้ไปหมดขวดแล้วก็ยังไม่ได้อ่านสักที วันนี้เลยถือโอกาสแกะอักษรมาแบ่งปันกัน Absolute cleanliness is Godliness! Teach the Moral ABC that unites all mankind free, instantly 6 billion strong & we're All-One. "Listen Children Eternal Father Eternally One!" GOD OUR ETERNAL FATHER! By Rudyard Kipling (adapted by Bronner) God our eternal Father, known of old, Lord over our farflung human race, Beneath whose eternal law we hold Dominion over land and space- Lord God of nations, unite us yet! By thy law, the Essene Moral ABC of the free Lest we forget - lest we forget! Far called, our navies melt away; On dune and headland sinks the fire: Gone is all our pomp of yesterday, Gone with Nineveh and Tyre, Lord God of nations, unite us yet By thy law, the Moral ABC of the free Lest we forget, lest we forget! The tumult and the shouting dies; The captains and the kings depart;

ระบบความปลอดภัยในสังคมชนบท

วันนี้ยายเป็นอะไรไม่รู้ คึกมาก พลังเหลือ เลยต้องมานั่งชวนยายคุย กะให้เหนื่อยแล้วจะได้ไปนอน ถามไปเรื่อยจนยายมาเล่าให้ฟังเรื่องสมัยก่อนที่ต้มเหล้าขาย ว่าทำยังไงไม่เคยโดนจับ N: ถ้าตำรวจมาจับ จะแก้ตัวว่ายังไง? Y: ก็บอกไปว่า "เอ้อ เมื่อก่อนก็ต้มอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้มหรอก เดี๋ยวตำรวจมาจับ" N: บอกเขาแค่นี้เขาก็เชื่อเหรอ? Y: ก็มันไม่เห็นนี่ จะจับได้ยังไง N: แล้วถ้าตำรวจบอกว่า มีคนมาบอกว่าเห็นยายเหงี่ยม (เสงี่ยม) ต้มเหล้าล่ะ? Y: ใครมันจะไปบอก คนที่รู้ก็มีแต่คนที่รักกัน ชอบพอกันทั้งนั้นแหละ อย่างเอ็งเป็นหลาน เอ็งจะไปบอกตำรวจเหรอ ว่ายายเอ็งต้มเหล้า? N: แล้วถ้าหลานยายเป็นตำรวจ แล้วมาจับล่ะ? Y: ก็บอกมันว่า "เอ้อ โจรมันไม่มีแล้วเหรอ ถึงต้องมาจับญาติพี่น้องตัวเองแบบนี้" N: แล้วถ้าเป็นเด็กคนอื่นเห็น แล้วไปบอกตำรวจล่ะ Y: มันก็จะโดนแม่มันด่า ข้าไม่โดนด่า แม่มันก็ตีมัน ข้าก็สมน้ำหน้ามัน (หัวเราะเบาๆ) N: ยายเจ๋งว่ะ! Y: เจ๋งเจิ๋งอะไร มันก็เป็นอย่างนี้ของมันอยู่แล้ว... ต้อนยายไม่จนจริงๆ สิ่งที่รับรู้ได้คือสังคมชนบท เขามีความไว้ใจกันมาก จนสามารถวางใจให้คนในชุมชนช่วยกันระแว

จงแสดงวิธีทำ: การคำนวณหารัศมีโลกจากการสังเกตุพระอาทิตย์ตก

Image
สืบเนื่องมาจากผมรู้มาว่า เราสามารถคำนวณหารัศมีของโลก ได้จากการดูพระอาทิตย์ตก 2 ครั้ง โดยการตกครั้งแรกให้นอนกับพื้น พอตะวันลับขอบฟ้าให้เริ่มจับเวลาและลุกขึ้นยืน เราจะเห็นขอบพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง พอพระอาทิตย์ตกครั้งที่สอง ให้หยุดเวลา นำเวลาที่จับได้ กับส่วนสูงของเรามาคำนวณหารัศมีของโลกได้ ระหว่างไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักบนภูกระดึง ผมลองจับเวลาดูคร่าวๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีความคลาดเคลื่อนมากมาย แต่ก็จับเวลามาได้ประมาณ 7 วินาที ส่วนสูงผมอยู่ที่ 1.65 m เราลองมาคำนวณดูกันครับ (อาจจะมีจุดที่ผิดพลาดอยู่นะครับ ไม่ได้หาข้อมูลว่า วิธีคำนวณที่ถูกต้องเป็นยังไง) อย่างแรก เรารู้ว่าโลกหมุนรอบตัวเอง ใช้เวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งก็เท่ากับ 86,400 วินาที การหมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบ จะมุนได้พื้นที่เชิงมุม 2π เรเดียน แปลว่า ใน 1 วินาที จะหมุนได้ 2π/86,400 เรเดียน ใน 7 วินาที จะหมุนได้ (2π/86,400)*7 เรเดียน = 0.0005091 เรเดียน (ขอกำหนดเลขนัยสำคัญที่ทศนิยม 7 หลัก) หรือเอาเวลาที่จับได้ มาเทียบกับเวลาใน 1 วัน จะประมาณได้เป็น (7/86400)*100 =  0.0081019% ของวงกลมเต็มวง ได้ค่าประมาณ 0.0291667 องศา ด้วยพื้นท

Kong ทำไมไม่ใช่ King Kong

เคยดูหนัง King Kong ครั้งแรกของ Peter Jackson (ปี 2005) ตอนนั้นประทับใจมากๆ (ยังเด็กอยู่) ภาพสวย เนื้อเรื่องกินใจ พอเห็น Kong ภาคใหม่ เลยรู้สึกเฉยๆ ไม่ตื่นเต้นเท่าไร แต่มาเห็น จอร์จรีวิว เรื่องนี้แล้วบอกว่า ฉาก action จุใจ เลยคิดว่า ไปดูในโรงเลยละกัน ภาพเสียงเต็มหูเต็มตาดี ส่วนที่ชอบของเวอร์ชันนี้คือ มีการสร้างเรื่องที่มาที่ไปของคอง เพราะในเวอร์ชันก่อนๆ เราจะได้เจอแต่คอง แล้วเราจะสงสัยว่ามันมาจากไหน โตมายังไง แต่เวอร์ชันนี้มีการพูดถึงครอบครัวของคองด้วย เวอร์ชันนี้รู้สึกขัดใจอยู่บ้าง แต่ฉาก action กับฉากสัตว์ประหลาดดูจุใจจริง จุดที่ทำให้ขัดใจอยู่เริ่มตั้งแต่ตอนรวมพล ที่รู้สึกว่ายังปูบทของตัวละครแต่ละตัวได้ไม่ลึกพอ ยังคาใจอยู่ว่าทำไมต้องเป็นคนคนนี้ (อย่างเรื่อง Armageddon ผมจะชอบส่วนปูบทตัวละครมาก แต่ละตัวมันมีเหตุผลมารองรับ ว่าทำไมถึงเป็นผู้ถูกเลือก) ส่วนต่อมาคือ นักวิทยาศาสตร์ที่ตัดสินใจทิ้งระเบิดลงเกาะ เพียงเพื่อจะสำรวจโครงสร้างดิน มันดูมักง่ายไปหน่อย เพราะผลกระทบมันรุนแรงมาก ไปบุกรุกพื้นที่และทำลายชีวิตในเกาะ จริงๆ ตรงนี้จะไม่ติดใจมาก ถ้าบทปูมาว่านักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้เป็นพวกไม

The Shape of Voice: Silent Voice: รักไร้เสียง วิเคราะห์ตัวประกอบ

ก่อนไปดูเรื่องนี้ พอจะรู้มาก่อน ว่าไม่ใช่เรื่องรักโรแมนติกแบบ Kimi no Na Wa  แต่จะเน้นประเด็นไปที่เรื่องปมของเด็กนักเรียนที่ถูกเพื่อนแกล้งมากกว่า ก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ตอนหนังเริ่มเรื่องแล้วเห็นไตเติ้ลเป็นชื่อ The Shape of Voice ก็งงๆ อยู่เหมือนกัน นึกว่าเป็นชื่อเพลงประกอบหรือเปล่า เพราะจำได้ว่าชื่อที่ใช้โปรโมทคือ Silent Voice แต่ก็ข้ามมันไปก่อน ในเรื่อง เราจะเห็นวัฒนธรรมตะวันตกที่อยู่ในวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นอยู่หลายๆ จุด เช่น การกินเบคอน ไข่ดาวเป็นข้าวเช้า การไป hangout กับเพื่อนที่ร้านเบอร์เกอร์ หรือการซื้อขนมปังฝรั่งเศส ที่เข้าฉากมาบ่อยมาก เพราะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่นางเอกชอบ นั่นก็คือการเอาขนมปังมาให้ปลากิน แหล่งน้ำต่างๆ ที่เข้ามาในฉาก ทำได้สวยงาม และรู้สึกสดชื่อมาก เราจะได้เห็นน้ำใสๆ ไหลเอื่ยๆ มองเห็นสิ่งๆ ต่างๆ ในน้ำได้ชัดเจน และน้ำไม่ลึก มีสาหร่ายขึ้นอยู่ที่พื้น และที่สำคัญคือมีปลาคาร์ฟอยู่ตามธรรมชาติด้วย จุดร่วมของตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวก็คือ ไม่มีพ่อบ้านมาเป็นหัวหน้าครอบครัว ทั้ง 2 บ้าน มีคุณแม่ที่ต้องคอยเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง บ้านละ 2 คนเท่ากันอีกต่างหาก ฝั่งผู้ชาย ม

Kimi no Na wa: timeline explained

Image
เมื่อวานผมเพิ่งได้ดู Kimi no Na wa ซึ่งผู้กับกับเล่นกับเรื่องของ เวลา และการแก้ไขอดีต ที่ทำให้ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปคนละแบบ พอกลับมาบ้านเลยลองเรียบเรียงเหตุการณ์หลักๆ ที่มีผลต่อการดำเนินเรื่อง ออกมาเป็น timeline เพื่อจะทำความเข้าใจลำดับเหตุการณ์ได้ดียิ่งขึ้น เหตุการณ์หลักๆ ที่ผมจะใส่เข้ามาใน timeline มีดังนี้ โดย timeline ที่ใช้อธิบายเหตุการณ์ต่างๆ จะมี timeline ดั้งเดิม หมายถึงโลกที่คนในเมือง Itomori 500 คน เสียชีวิตจากเหตุการณ์เศษอุกกบาตตกใส่เมือง ใช้เส้นสีเทา timeline ใหม่ หมายถึงโลกที่คนในเมือง Itomori รอดชีวิตได้ราวปาฏิหารย์ เริ่มต้นเราจะได้ เส้น 2 เส้นที่ขนานกัน เสร็จแล้วเราจะเอาเหตุการณ์มาวางลงบนเส้นทั้งสอง ตามที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง โดยในมุมของ Mitsuha ลำดับเหตุการณ์จะเป็น สลับร่าง > เจอกันครั้งแรก > เจอกันครั้งที่สอง > อุกกาบาตตกใส่เมือง > เจอกันครั้งที่สาม ในมุมของ Taki ลำดับเหตุการณ์จะเป็น เจอกันครั้งแรก > อุกกาบาตตกใส่เมือง > สลับร่าง > เจอกันครั้งที่สอง > เจอกันครั้งที่สาม เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนเส้น จากเส้นสีเทามา