The Shape of Voice: Silent Voice: รักไร้เสียง วิเคราะห์ตัวประกอบ

ก่อนไปดูเรื่องนี้ พอจะรู้มาก่อน ว่าไม่ใช่เรื่องรักโรแมนติกแบบ Kimi no Na Wa แต่จะเน้นประเด็นไปที่เรื่องปมของเด็กนักเรียนที่ถูกเพื่อนแกล้งมากกว่า ก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก

ตอนหนังเริ่มเรื่องแล้วเห็นไตเติ้ลเป็นชื่อ The Shape of Voice ก็งงๆ อยู่เหมือนกัน นึกว่าเป็นชื่อเพลงประกอบหรือเปล่า เพราะจำได้ว่าชื่อที่ใช้โปรโมทคือ Silent Voice แต่ก็ข้ามมันไปก่อน

ในเรื่อง เราจะเห็นวัฒนธรรมตะวันตกที่อยู่ในวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นอยู่หลายๆ จุด เช่น การกินเบคอน ไข่ดาวเป็นข้าวเช้า การไป hangout กับเพื่อนที่ร้านเบอร์เกอร์ หรือการซื้อขนมปังฝรั่งเศส ที่เข้าฉากมาบ่อยมาก เพราะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่นางเอกชอบ นั่นก็คือการเอาขนมปังมาให้ปลากิน

แหล่งน้ำต่างๆ ที่เข้ามาในฉาก ทำได้สวยงาม และรู้สึกสดชื่อมาก เราจะได้เห็นน้ำใสๆ ไหลเอื่ยๆ มองเห็นสิ่งๆ ต่างๆ ในน้ำได้ชัดเจน และน้ำไม่ลึก มีสาหร่ายขึ้นอยู่ที่พื้น และที่สำคัญคือมีปลาคาร์ฟอยู่ตามธรรมชาติด้วย

จุดร่วมของตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวก็คือ ไม่มีพ่อบ้านมาเป็นหัวหน้าครอบครัว ทั้ง 2 บ้าน มีคุณแม่ที่ต้องคอยเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง บ้านละ 2 คนเท่ากันอีกต่างหาก ฝั่งผู้ชาย มีตัวละครพี่สาวที่มีบทบาทแบบอ้อมๆ คือเป็นแม่ของ Maria เด็กน้อยประจำบ้าน แต่ตัวพี่สาวเองเข้ามาในฉากแค่ 2 ฉาก ไม่ได้เห็นหน้าชัดๆ และยังไม่มีบทพูดอีกด้วย (ขนาดแฟนพี่สาวยังได้บทพูดเลย) ดูจากวัยแล้ว ฝั่งผู้ชายแม่จะค่อนข้างวัยรุ่นกว่า (ตอนแรกนึกว่าแม่คือพี่สาวด้วยซ้ำ)

ตัวละครที่ผมมองว่า เป็นตัวร้ายจริงๆ คือ คุณครูประถมที่เป็นผู้ชายใส่แว่น เพราะจริงๆ แล้วคุณครูเองก็มีส่วนรับรู้เรื่องการแกล้ง Shōko ตั้งแต่ช่วงแรกๆ แต่ก็ไม่ได้เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด จนทุกอย่างเลยเถิด (หรือหนังอาจจะข้ามรายละเอียดตรงนี้ไป) ฉากที่ครูใหญ่มายืนพูดหน้าห้องเรื่องมีคนแล้ว Shōko แล้วคุณครูกลับกดดัน Ishida และเพื่อนๆ จนทำให้เรื่องมันบานปลาย เลยเถิด ผมมองว่า จริงๆ แล้ว คุณครูควรจะตักเตือนนักเรียนที่แกล้งเพื่อนตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้ายังไม่หยุดก็ควรจะบอกผู้ปกครอง ก่อนที่การแกล้งกันของเด็กจะเลยเถิดไปกันใหญ่ หรือแม้ว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นแล้ว ถ้าคุณครูรู้ตัวหัวโจก ก็ควรจะเรียกมาคุยแบบส่วนตัว ไม่ใช่การกดดันเด็กต่อหน้าครูใหญ่และเพื่อนๆ ในห้อง แถมยังกดดันเพื่อนร่วมก๊วน ให้เด็กแตกคอกันเองอีกต่างหาก

ตัวที่ร้ายรองลงมาคือ แม่ของ Shōko ฉากแรกที่ผมงงมากคือ ตอนที่เห็นหูของแม่ Ishida มีคราบเลือด หลังจากที่ไปพบแม่ของ Shōko เพื่อขอโทษเรื่องที่ลูกชายตัวเองทำไว้ ในหนังไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมาก แต่น่าจะมีการใช้กำลังกันเกิดขึ้น ที่ผมคิดแบบนั้นเพราะ ฉากที่ 2 ที่แม่ Shōko โผล่มา ก็มาลงไม้ลงมือกับเด็ก โดยไม่ถงไม่ถามอะไรสักคำ ปิดท้ายด้วยฉากช่วงท้าย ที่ก็เข้าไปนัวกับ Ueno อีก ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นผู้ใหญ่แท้ๆ

ส่วนตัวละครอีกที่นิสัยเป็นผู้ใหญ่เกินวัย คือ Yuzuru เป็นเด็กที่รักและเป็นห่วงพี่สาวมาก ทำอะไรจะคิดถึงแต่พี่สาว มีความกล้าหาญ ถึงโดนแม่ห้ามไม่ให้ยุ่งกับ Ishida แต่ก็สวนแม่กลับได้ทันที (แต่ก็ไม่ใช่เด็กก้าวร้าวอะไร) หนังไม่ได้อธิบายพื้นเพของ Yuzuru มากนัก ทั้งเรื่องที่ไม่ได้เรียนหนังสือ หรือเรื่องที่ชอบถ่ายรูป (ทั้งๆ ที่ยังเด็กมาก) แถมยังชอบถ่ายภาพสัตว์ที่เพิ่งตายที่พบได้ตามข้างทางหรือในสวน Yuzuru เอง เพิ่งจะรู้จักกับ Ishida แต่ก็สามารถเข้ากับคนที่บ้านของ Ishida ได้ทันที ตรงนี้ที่ผมเริ่มรู้สึกว่า ตัวละครตัวนี้เป็นผู้ใหญ่มาก ในหลายๆ ฉาก ก็ได้ Yuzuru เป็นตัวเคลียร์ทางให้ตัวเอกได้อยู่ด้วยกัน หรือการที่ Yuzuru รู้เรื่องของพี่สาวตอนที่บอกชอบ Ishida แต่ Yuzuru เองก็สามารถเก็บความลับนี้ไว้ได้อย่างดี หรือตอนที่ Ishida มาแอบนั่งอ่านสมุดสมัยเด็กของ Shōko ที่มีข้อความกลั่นแกล้งอยู่ในนั้น แต่ Yuzuru ก็ไม่ได้เอามาเป็นอารมณ์ที่จะไปถือสาใครแต่อย่างใด เหล่านี้เป็นลักษณะที่ผมรู้สึกว่า โคตรเป็นผู้ใหญ่เลย

ตัวที่มีนิสัยผู้ใหญ่รองลงมาก็จะเป็นแม่ของ Ishida ด้วยความที่บุคลิกเป็นคุณแม่วัยรุ่น แต่การไม่ถือสาแม่ Shōko ที่ทำร้ายตัวเอง หรือฉากที่แม่ Shōko มาขอโทษเรื่องของลูกสาวที่ทำให้ลูกเขาบาดเจ็บสาหัส สิ่งที่แม่ Ishida ตอบกลับไปก็คือ "Shōko ปลอดภัยก็ดีแล้ว" ฉากนี้ Yuzuru แสดงความเป็นผู้ใหญ่อีกครั้ง ด้วยการมาคุกเข่าขอโทษแม่ Shōko และพูดว่า "หนูผิดเองที่ไม่ดูแลพี่สาวให้ดีกว่านี้"

เด็กที่มีปัญหามากที่สุดในเรื่อง คือ Ueno เพราะยังมองไม่ออก ว่าความผิดของตัวเองคืออะไร และยังคอยโทษคนอื่นอยู่ แต่มาดีขึ้นที่ตอนท้ายมีการแสดงออกว่าพยายามไปเรียนภาษามือมา เพื่อสื่อสารกับ Shōko กับอีกคนคือ Kawai ที่มีปัญหาเหมือนกัน จริงๆ Kawai ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะตามประสาเด็กๆ ก็จะสนุกกับการเห็นคนอื่นโดนแกล้ง แต่ปัญหาคือ Kawai ไม่ยอมรับความจริง และจะดราม่าทุกครั้ง ที่มีคนพูดว่าตนเองมีส่วนรู้เห็นกับการแกล้งเพื่อน จริงๆ ถ้า Kawai ยอมรับไปตรงๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร สามารถลงจอดได้สวยงาม ไม่ต้องใช้รันเวย์ยาวด้วย

Comments

Popular posts from this blog

Harry Potter and the Philosopher's Stone: จงแสดงวิธีทำ ปริศนาน้ำยากันไฟ

แฟนเดย์ One day -spoiler alert-

Kimi no Na wa: timeline explained