You'll never walk alone

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไปเตะบอลกับพี่รินทร์ที่เป็น HR ของ YIT พี่เขาเพิ่งโทรมาตามตัวเอาตอนเย็นวันศุกร์ เห็นเขาว่าขาดคนอยู่ ก็เลยไปเตะแบบขำๆ เอาเข้าจริงๆ แม่งขำไม่ออกเลยอะ เพราะทีมที่ไปเตะด้วยชื่อ Yip In Tsoi Mix คือมันมิกซ์มาจริงๆ มากันแผนกละคนสองคน รวมทั้งทีมมีแค่ 7 คน ซึ่งต้องใช้เตะในสนาม 6 คน เท่ากับว่าทีมนี้มีตัวสำรอง 1 คนถ้วน มองดูทีมอื่นๆ ตัวสำรองเขาอย่างเดียวยังมากกว่าเราทั้งทีมเลย แถมไม่ได้เล่นบอลมานานมาก แค่ครึ่งแรกของเกมแรก (15 นาที) ก็หมดแรงข้าวต้มละ ครึ่งหลังแต่เตะบอลไปให้ถึงโกลยังรู้สึกสั่นไปทั้งแข้งเลย แต่เกมแรกก็จบไปอย่างสวยงาม เพราะชนะ 2-0 (ทีมตรงข้าม เมาค้าง แถมยังมากันไม่ครบ) จบเกมแรกคิดว่า วันนี้คงไม่ไหวแล้วล่ะ แต่เห็นพี่รินทร์บอกว่าเด๋วมีตัวจี๊ดมา ก็น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้กันและกันได้ ปรากฎว่าตัวจี๊ดมาเปลี่ยนชุด แล้วก็นั่งเชียร์อยู่เกมนึง แล้วก็กลับบ้าน (ตัวจี๊ดจริงๆ) สรุปว่าเหลือกัน 6 คน กับอีก 4 นัดที่เหลือ กว่าจะหมดวันได้เล่นเอาเล็บม่วงเลยทีเดียว ชุดทีมมีสีขาวเป็นสีพื้น แถบสีฟ้า แต่มี logo ของ Liverpool ด้วย เลยนึกถึง slogan "You'll never walk alone" นั่นเป็นเพราะว่า มึงจะเจ็บและล้าจนไม่มีแรงเดิน (โดยลำพัง) นั่นเอง

เย็นนั้นมีนัดกับพี่ก้อง (รู้จักกันตอนเป็นพระ) ว่าจะไปนอนวัดชลกัน ก็เลยฝืนสังขารไปหาพวกหลวงพี่หน่อย แต่ไปถึงเหมือนไปให้เขามาเยี่ยมอีกที พระต้องเอายามาให้ เตรียมที่นอนให้ซะงั้น ตคื่นเช้ามาปวดเมื่อไปทั้งตัว ตั้งแต่จั๊กกะแร้ทั้งซ้ายและขวา สีข้างด้านขวา แล้วก็ท่อนล่างทั้งหมด ดีที่มีเจ๊โบมายืดเส้นให้ วันต่อมาก็เลยหายเมื่อยไปมาก แต่เล็บที่ม่วงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหายปวด 

ตอนเดินขึ้นบันได ดันยกเท้าขึ้นไม่สูงพอ เล็บช้ำๆเลยไปดันกับบันไดซ้ำเข้าไปอีกรอบ จากเดิมที่กะจะรอให้มันหายเอง (ประมาณ 1 อาทิตย์จากคำบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์) กลายเป็นต้องไปให้หมอถอดเล็บ (เตรียมใจไปถอดเล็บเต็มที่) 

แต่พอไปหาหมอก็ได้รับความรู้ใหม่ นั่นคือการรักษาโดยไม่ต้องถอดเล็บ ด้วยการเอาเข็มลนไปแล้วเจาะเล็บให้เป็นรู แล้วก็รีดเลือดที่คั่งอยู่ใต้เล็บออกมา หากมาตั้งแต่ตอนเป็นใหม่ๆ เลือดก็จะออกมาง่าย โอกาสที่จะไม่ต้องถอดเล็บก็จะสูงกว่า (รู้งี้ไปหาหมอแต่แรกดีกว่าอีก)

Comments

Popular posts from this blog

Harry Potter and the Philosopher's Stone: จงแสดงวิธีทำ ปริศนาน้ำยากันไฟ

แฟนเดย์ One day -spoiler alert-

Kimi no Na wa: timeline explained